วันพฤหัสบดีที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2559

ทำยังไงถึงได้เป็นสาวอักษร จุฬาฯ


สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน พี่ชื่อประกายรัตน์ ประยูรศร อดีตนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS ประเทศ Argentina รุ่น 53 วันนี้จะมาเล่าเรื่อง+คำแนะนำเล็กๆน้อยๆสำหรับน้องๆคนไหนที่อยากเรียนคณะอักษรศาสตร์ค่ะ พี่สอบติดคณะอักษรศาสตร์ เอกภาษาสเปน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งพี่ก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเรียนภาษาสเปนตามที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก น้องๆหลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมพี่สอบได้เอกสเปนเลยทั้งๆที่ข้อสอบ Pat7 ก็ไม่มีภาษาสเปน คืออย่างนี้ค่ะ จุฬาฯมีโครงการรับตรงพิเศษสำหรับผู้มีความสามารถพิเศษด้านภาษาสเปนค่ะ ซึ่งโครงการนี้ใช้คะแนน Gat และคะแนนภาษาสเปนที่ทางมหาวิทยาลัยออกค่ะ พอพี่รู้ว่ามีโครงการนี้ปุ้บก็เฮเลยค่ะ เพราะคิดว่ายังไงๆก็ต้องทำได้ดีมากกว่าภาษาอื่นแน่ๆจากการไปใช้ภาษาสเปนมา 1 ปีที่อาร์เจนตินา แต่พอเอาเข้าจริงกว่าจะทำได้นี่เลือดตาแทบกระเด็นเหมือนกัน ด้วยความที่ภาษาสเปนแบบละตินอเมริกามันแตกต่างกับภาษาสเปนแท้ๆ ดังนั้นเลยเกิดการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่ขึ้น สู้กับตัวเองนี่แหละค่ะ มาดูกันดีกว่าว่าพี่มีวิธีสู้กับตัวเองอย่างไรบ้าง
 
1.       ข้อมูลต้องแน่น
อย่างแรกเลยคือต้องรู้หมดค่ะว่าเขาสมัครกันวันไหน ใช้คะแนนอะไรยื่นบ้าง เอกสารต้องพร้อม เมื่อเรามีข้อมูลทุกอย่างอยู่ในมือ ความมั่นใจก็เริ่มมาแล้วค่ะ อย่างพี่นี่จำได้หมดว่าเขารับสมัครวันไหน สอบวันไหน รูปใช้ขนาดเท่าไหร่ ใช้คะแนนอะไรกี่เปอร์เซ็นต์ (อันนี้สำคัญมากๆเลย เพราะเราจะได้รู้ว่าเราควรทำส่วนไหนบ้าง)
2.       ถามตัวเองว่าพร้อมแค่ไหน?
พร้อมแค่ไหน มีเวลามากเท่าไหร่ จะอ่านยังไงให้ทัน อันนี้ขอขีดเส้นใต้พร้อมลงไฮไลท์สีเขียวสะท้อนแสงรัวๆเลย เพราะถ้าเราอ่านไปแบบไร้จุดหมายเราก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าเราควรจะหยุดที่ตรงไหน ควรจะโฟกัสเรื่องอะไรบ้าง สิ่งที่พี่ทำคือนับค่ะนับ ต้องมีปฏิทินตั้งอยู่บนโต๊ะอ่านหนังสือ ขีดฆ่าไปทีละวันเลยว่าเวลาเริ่มเหลือน้อยลงแล้วนะจ๊ะเธอ เร่งๆหน่อย แล้วก็ต้องมีสมุดอีกเล่มไว้จดว่าวันนี้อ่านอะไรไปแล้วบ้าง พรุ่งนี้จะอ่านอะไรต่อ ต้องมีวินัยและซื่อสัตย์กับตัวเองด้วยนะ
3.       เรียน ทบทวน
พี่ใช้เวลาปิดเทอมเล็ก 1 เดือนเรียนภาษาสเปน เป็นคอร์สติวสำหรับเข้าอักษร จุฬา เอกสเปนโดยเฉพาะ แค่ฟังชื่อคอร์สก็ขนลุกแล้วค่ะ มีแต่คนพูดว่ายังไงก็ติด (กดดันสิคะ 555) ฉะนั้นเวลาเรียนพี่จะตั้งใจเรียนมาก ไม่เข้าใจอะไรก็ต้องถามครูเดี๋ยวนั้นเลย กลับบ้านนี่ก็ทบทวนทำแบบฝึกหัด/ข้อสอบที่ครูให้มา
(เยอะมากกกกก ก.ไก่ล้านตัว) บ้างหน้าที่เป็นบทความสั้นๆ หรืออันไหนที่ครูไม่ได้ให้ทำ พี่ก็ทำค่ะ นั่งแปลเอง ทำเอง เฉลยเองก็มี สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพี่เลยก็คือการทำแบบฝึกหัด ทำข้อสอบนี่แหละค่ะเพราะมันทำให้เรารู้แนวและแก้จุดบกพร่องในเรื่องที่เรายังไม่แม่นได้อย่างดีเลย
4.       จดใหม่ไว้อ่านเอง
แกรมม่าทุกเรื่อง ข้อสอบที่ทำผิดพี่เอามาจดใส่สมุดของตัวเองหมดเลยค่ะ เราต้องกำจัดจุดอ่อนของตัวเองให้ได้ พี่อ่านซ้ำๆ เรื่องเดิมๆทุกวัน ข้อสอบจากที่เคยผิดก็กลายเป็นถูก คำศัพท์ก็สำคัญค่ะ พี่จดวันละ 1 หน้าแล้วอ่านทบทวนไปเรื่อยๆทุกวันค่ะ จำไม่ได้ให้ตีเลย


5.       อะไรไม่สำคัญ ตัดทิ้ง
อะไรที่ไม่สำคัญที่พี่พูดถึงนั่นก็คือกิจกรรมบน Social ค่ะ ช่วงนั้นพี่ลบทุกแอพออกเหลือทิ้งไว้แค่ Line เพราะพี่รู้ตัวเองดีว่าจะไม่ได้อ่านหนังสือแน่ๆถ้ายังมี Facebook, IG, Twitter อยู่ในมือถือ ดังนั้นโบกมือลามันไปเสียดีกว่าค่ะ คิดซะว่าติดแล้วฉันจะเล่นข้ามวันข้ามคืนกันไปเลย ตอนนี้งดไปก่อนนะ ป.ล. จริงๆแล้วการทำแบบนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากพี่โดนครูที่เรียนพิเศษภาษาอังกฤษดุค่ะ ครูพูดว่าอยากเล่นก็เล่นไปนะตอนนี้ แต่ถ้าวันนั้นคนอื่นติดแล้วแกไม่ติดขึ้นมา แกจะยังมีอารมณ์มาเล่นอีกไหม โอ้โห สะเทือนใจไปอีก โยนมือถือทิ้งสิคะเด็กๆ
 
 

                                                                    อันนี้แปะไว้ดึงสติตัวเองค่ะ

 

 
 
6.       ความมุ่งมั่น ตั้งใจ
 
ข้อนี้ถ้าใครไม่มีแล้วหล่ะก็จำไว้เลยว่าไม่มีทางประสบความสำเร็จแน่นอนค่ะ  อย่าปล่อยให้ความฝันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน ถ้าเรามัวแต่นอนฝันไม่ลุกขึ้นมาทำแล้วเมื่อไหร่ฝันนั้นจะเป็นจริง อย่าไปแคร์คนที่คอยมาพูดปั่นทอนกำลังใจ เราทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุดพอ ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั้นจริงๆนะ
 
7.       กำลังใจ
จากเพื่อน จากครู จากพ่อแม่ จากคนรอบข้าง มันสำคัญมากจริงๆนะ แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือเราห้ามลืมให้กำลังใจตัวเองด้วย มั่นใจว่าเราทำได้ เราก็เก่ง ถึงแม้ว่าคนอื่นจะเก่งกว่าแต่เราก็คนเหมือนกัน เราต้องสู้กับเขาให้ได้สิ เราท้อได้ เหนื่อยได้ พักได้ แต่หยุดไม่ได้ ท่องไว้เสมอว่า
 
นี่แหละค่ะสิ่งที่พี่ทำมาจนมีวันนี้ได้ กาย ใจ สมองต้องพร้อมสู้ หนทางที่เต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบากแต่ปลายทางนั้นสวยงามและเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ มันก็คุ้มไม่ใช่หรอที่จะต่อสู้กับความเหนื่อย ความง่วง ความท้อแท้ ความกดดัน
แถมให้อีกนิดนะคะ เป็นประสบการณ์ของพี่เอง
                คือว่าเอกภาษาสเปนเนี่ยใช้คะแนน Gat 40% สเปน 60% ตอนนั้นคือชิวมาก 40% ของ Gat ยังไงก็ทำได้เลยอ่านมันแต่สเปน พอเจอข้อสอบจริงน้ำตาเริ่มตกในแล้วค่ะ แต่ที่ทำให้น้ำตาแตกยิ่งไปกว่านั้นคือเพื่อนดันโทรมาบอกว่า เนี่ยรุ่นพี่บอกมาจะให้ติดชัวร์ต้องได้ 270+ นะ ตอนนั้นได้ยินแล้วจะเป็นลม กลับบ้านน้ำตาไหล โทรไปปล่อยโฮกับเพื่อนเลยจ้า แก ฉันทำได้ไม่ถึง 230 แน่ๆ ฉันตายแน่ๆ ทำไงดี เพื่อนก็ให้กำลังใจมาจนพี่เริ่มโอเค กลับมานั่งคิดดูถ้า Gat ต่ำแต่สเปนสูงก็มีโอกาสมากขึ้นรึเปล่า ทีนี้ฮึดค่ะ อ่านแบบบ้าคลั่งมาก ไปโรงเรียนอาจารย์สอนอะไรไม่ฟังเลย อ่านมันแต่สเปน กลับบ้านก็อ่าน ตื่นมาเช้ามืดก็อ่านอีก เนื้อหาในหนังสือไม่พอต้องเพิ่งอินเตอร์เน็ตด้วย (ข้อสอบสเปนมีถามเรื่องความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศที่ใช้ภาษาสเปนด้วย กว้างพอสมควรเลย) ต้องรู้หมดเรื่องภูมิศาสตร์ วัฒนธรรม บุคคลสำคัญ นักร้อง ดารา ศิลปิน ไม่ใช่เน้นแกรมม่าอย่างเดียว เหนื่อยและท้อหลายครั้ง แต่พอภาพความฝันที่รอวันเป็นจริงโผล่ขึ้นมาในหัวก็สู้ต่อ จนถึงวันสอบรู้สึกสบายๆไม่เครียดเพราะรู้สึกว่าเตรียมมาพอแล้ว โอเคแล้ว สอบเสร็จออกมาคุยกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันเริ่มนอยด์อีกทำไมตอบไม่เหมือนบ้างหล่ะ อะไรบ้างหล่ะ แต่ทำอะไรไม่ได้แล้วค่ะนอกจากรอผล ประกาศคะแนน Gat ออกมาก็ตามคาดค่ะ ไม่ถึง 230 จริงๆ ความหวังเดียวตอนนั้นคือสเปนที่จะประกาศพร้อมกับรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก คืนก่อนประกาศผลนี่นอนไม่หลับ ร้องไห้โทรไปหาเพื่อนไม่ติดแล้วฉันจะทำยังไง รอผล รีเว็บจนถึงวันที่ 28 มกรา เวลา 09.00 น. เว็บล่ม ซึ่งก็เป็นสัญญาณว่าประกาศแล้ว ตื่นเต้นมากมือไม้สั่นไปหมด เมื่อคืนก่อนตกลงกับเพื่อนว่าถ้าเข้าไปดูได้แล้วติดต้องโทรมาบอก ถ้าไม่โทรก็เป็นอันรู้กันว่าไม่ติดนะ แล้วคือตอนนั้น 9 โมงกว่าแล้วเว็บก็ยังล่ม ใจเริ่มไม่ได้แล้ว ทำไมเพื่อนยังไม่โทรมาอีก (ตอนนั้นใช้โทรศัพท์เพื่อนอีกคนเข้าเว็บเพราะตัวเองไม่มีเน็ต) พอหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาดู เดี๋ยวๆ เพื่อนโทรมา 2 สายไม่ได้รับ กรี้ดๆๆ พอโทรกลับไปสิ่งที่ได้ยินคือคำว่า ‘’ เว็บล่มเหมือนกันหว่ะ’’ อื้อหือ นี่ยังต้องลุ้นต่ออีกหรอ ไม่ไหวแล้วนะเธอ คุยกับเพื่อนสักเดี๋ยวนึงเพื่อนก็พูดว่า รู้แล้วๆๆๆๆ ติดนะๆๆ เห็นชื่อแล้ว ประกายรัตน์ โอย จุดนั้นไม่รู้จะบรรยายยังไงจริงๆค่ะ เฮ้ย จริงดิติดหรอ อยากเห็นด้วยตาตัวเอง เลยลองเข้าแบบที่ต้องกรอกเลขที่ใบสมัครไป ข้อมูลเด้งขึ้นมาปุ้บ เป็นรูปใบสมัครพร้อมพาดตัวตัวใหญ่ๆว่า ผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์” พร้อมผลคะแนนที่ได้มา 80 เต็ม 100 กรี้ดลั่นน้ำตาไหลรีบโทรไปบอกพ่อแม่ก่อนเลย ดีใจมากที่สุดในชีวิต พอไปสัมภาษณ์ก็ไม่มีอะไรมากเลย ถามคำถามทั่วๆไป เป็นภาษาสเปนทั้งหมด จนมาถึงวันนี้กลายเป็น
 ผู้มีสิทธิ์เข้ารับการศึกษาเรีบยร้อยแล้วค่ะ
 
น้องๆคนไหนอยากรู้อะไรเพิ่มเติมก็ตามมาที่ Facebook : Prakairath Prayunsorn ได้เลยค่ะ พี่สวยและใจดีมากค่ะ